วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

นักวิจัยพบวิธีบันทึก"ความฝัน"เป็นวิดีโอ

 เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนมีรายงานว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่ค้นพบวิธีอ่านแพทเทิร์นความคิดของสมองจนสามารถตีความได้ว่า "คุณกำลังคิดอะไรอยู่?" แต่นักวิจัยที่ UC Berkeley ก้าวไกลไปกว่านั้น โดยพวกเขาสามารถอ่านภาพที่เกิดขึ้นในสมองของคุณ แล้วแสดงผลในรูปของวิดีโอ
ความลับในการทำงานของระบบนี้จะคล้ายๆ กับเเทคนิคการอ่านใจ (mind-reading) โดยเครื่อง MRI จะเฝ้าดูแพทเทิร์นที่ปรากฎในสมองของมนุษย์ เหมือนกับมันกำลังจ้องดูทีวี จากนั้นหาความสัมพันธ์ของแพทเทิร์นเหล่านั้น (รูปแบบที่ซ้ำกัน และต่างกัน) เพื่อนำมาสร้างภาพบนหน้าจอ ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดจะถูกประมวลผลด้วยโมเดลคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน เพื่อสร้าง และทำนายความสัมพันธ์ระหว่างแพทเทิร์นในสมอง และภาพที่ให้ผู้ทดสอบมองเห็น ประกอบกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้น โดยใช้วิธีจับคู่ด้วยการสุ่มจากวิดีโอความยาว 18,000,000 วินาทีบน YouTube เพื่อหาความเป็นไปได้ของแพทเทิร์นที่เกิดขึ้นในสมอง
ด้วยฐานข้อมูลทั้งหมด ทีมนักวิจัยจาก Berkeley สามารถป้อนภาพสแกนของสมองเข้าไปในโมเดลคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะหยิบเอาวิดีโอ 100 คลิปที่ให้แพทเทิร์นของการทำงานของสมองที่เหมือนกันมากทีสุดแบบวินาทีต่อวินาที คลิปที่เดาได้ใกล้เคียงที่สุดจะถูกนำมารวมกันเป็นคลิปเดียว และเมื่อนำคลิปวิดีโอที่ได้ไปเปรียบเทียบกับคลิปต้นฉบับที่ผู้ทดสอบมองเห็น มันมีบางภาพที่คล้ายกับต้นฉบับจนน่าตกใจทีเดียว ลองชมคลิปข้างล่างนี้

การเปรียบเทียบวิดีโอทีสร้างขึ้นจากแพทเทิร์นทีได้จากภาพสแกนของสมองกับคลิปต้นฉบับ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ระบบสามารถทำงานได้ โดยเฉพาะความสามารถในการดูดภาพที่อยู่ในความคิดออกจากสมองของคุณได้ ซึ่งในอนาคต เซ็นเซอร์ตรวจจับ และอัลกอริธึมในการทำงานจะได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจนคุณสามารถติดมันไว้กับตัวได้ และเมื่อหลับตา มันก็จะสแกนแพทเทิร์นของกิจกรรมที่เกิดขึ้นในสมองของคุณได้ เมื่อคุณหลับตานึกถึงภาพเป็ด MRI กับโมเดลคอมพิวเตอร์ก็จะฉายภาพเป็ด (หรืออะไรสักอย่างที่คล้ายเป็ด) ขึ้นมาให้เห็นได้ และเมื่อคุณหลับ ความฝันที่เกิดขึ้นในสมองของคุณก็จะถูกบันทึกออกมา เพื่อ play back วิดีโอบนคอมพิวเตอร์ได้


Facebook ประกาศคุณสมบัติใหม่อีกแล้ว

เมื่อวานนี้ เฟซบุ๊ค (Facebook) ชิงประกาศคุณสมบัติการทำงานใหม่ที่เรียกว่า Top Story ก่อนที่จะเปิดงานประชุมนักพัฒนา F8 ที่จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ ซึ่งคาดว่า การปล่อยข่าวดังกล่าว น่าจะมาจากความเคลื่อนไหวของ Google+ ที่เปิดให้ผู้ใช้ทุกคนที่สนใจสามารถเข้าใช้บริการได้ โดยไม่ต้องผ่านการ invite อีกต่อไป
Top Story จะเป็นคุณสมบัติที่มีการปรับปรุงโพรไฟล์ของผู้ใช้ใหม่ โดยฟังก์ชันที่ว่านี้จะไฮไลท์ข่าวสารสำคัญจากเพื่อนๆ ที่มีความเกียวข้องกับคุณมากที่สุด ทั้งนี้ฟังก์ชัน Top Story จะใช้ข้อมูลพื้นฐานในการวิเคราะห์จากผู้โพสต์เป็นใคร และชนิดของข่าวสารที่แชร์ว่ามีความสำคัญแค่ไหน? (แต่งงาน วันเกิด ฯลฯ) นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม Tickers บริการข่าวสารที่มีลักษณะคล้าย Twitter ด้วยการแสดงอัพเดทแบบเรียลไทม์แบบเรียลไทม์ ซึ่งลิงค์ในอัพเดทเหล่านี้ยังสามารถคลิก เพื่อแสดงภาพขนาดใหญ่ได้อีกด้วย (จากสถิติ มีผู้อัพโหลดภาพขึ้น Facebook เฉลี่ยวันละ 250 ล้านภาพ)
"เราได้มีการทดลองเปลี่ยนแปลงส่วนการทำงานต่างๆ มานานแล้วจนมั่นใจว่า ฟังกชันนี้ (top story) จะไม่ทำให้ผู้ใช้พลาดเรื่องสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา" Keith Schacht ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Facebook กล่าว "มันทำให้เว็บไซต์ดูมีชีวิตมากขึ้น" สำหรับคุณสมบัติใหม่เหล่านี้ทาง Facebook จะเปิดให้ผู้ใช้กว่า 750 ล้านคนทั่วโลกได้ใช้กันภายในหนึ่งสัปดาห์ คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip ที่ใช้ Google+ คิดเห็นอย่างไรกํบฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook ล่ะครับ?


หันกลับไปดูทางคู่แข่งอย่าง Google+ ที่นอกจากจะเปิดให้บริการกับผู้ใช้ทั่วโลกแล้ว ยังมีการปรับปรุงคุณสมบัติการทำงานใหม่ที่มีมากกว่า 99 ฟีเจอร์ โดยหนึ่งในนั้นก็เช่น Hangouts บริการสนทนาผ่านวิดีโอแบบกลุ่มที่ล่าสุดได้เปิดให้ใช้บริการผ่านสมาร์ทโฤฯ และแท็บเล็ตได้แล้ว แต่จะใช้ได้บนอุปกรณ์ Android เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมฟีเจอร์ On Air ที่เปิดโอกาสให้สามารถเผยแพร่การเล่นวิดีโอแชท Hangouts กับผู้ใช้คนอื่นๆ ได้รับชมได้อีกด้วย โดยผู้ชมคนอื่นๆ จะสามารถมีได้ไม่เกิน 9 คน ปัจจุบัน Google+ มีผู้ใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคนแล้ว

Kindle Tablet เปิดตัว 28 ก.ย. ศกนี้

 ทั่วโลกกำลังเฝ้าจับตาดูอยู่ว่า แท็บเล็ต Kindle ของ Amazon จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับตลาดอุปกรณ์โมบายได้ หรือไม่? โดยรายงานข่าวล่าสุดอ้างว่า Amazon จะเปิดตัวแท็บเล็ต Kindle กลางงานแถลงข่าวของบริษัทที่จะจัดให้มีขึ้นที่นิวยอร์กในวันที่ 28 กันยายน ศุกร์นี้



แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เรามารีวิวข่าวเกี่ยวกับแท็บเล็ต Kindle ที่มีการเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้กันดีกว่าครับว่า คุณสมบัติของมันประกอบด้วยอะไรบ้าง น่าใช้แค่ไหน โดนใจคุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip กันบ้าง หรือเปล่า? ว่าแล้วไปดูกันเลยครับ
Kindle Tablet ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android แหล่งข่าวกล่าวว่า แท็บเล็ตของ Amazon จะใช้ Android เช่นเดียวกับแท็บเล็ตของผู้ผลิตรายอื่นๆ ส่วนจะเป็นเวอร์ชันอะไร ไม่สามารถระบุได้ แต่จะมาพร้อมกับ UI ของทางบริษัทเอง และมีหน้าร้านดาวน์โหลดแอพฯ ของตนเอง ที่สำคัญ Amazon ไม่ได้ร่วมมือกับ Google ในการพัฒนา OS ที่รันบนแท็บเล็ตตัวนี้ แต่ใช้ทีมพัฒนาของทางบริษัทเอง
หน้าจอของ Kindle Tablet จะมีขนาดเล็ก ข้อมูลจากแหล่งข่าววงในอ้างว่า Kindle Tablet ที่จะเปิดตัวในวันที่ 28 กันยายน กศนี้จะมาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัสทีมีขนาด 7 นิ้ว สีสันสว่างสดใสด้วยแบคไลท์  และไม่ได้ใช้เทคโนโลยี e-Ink อย่างทีทางบริษัทเคยใช้กับเครื่องอ่านอีบุ๊ค Kindle ก่อนหน้านี้
คุณสมบัติของฮาร์ดแวร์เรียบง่าย อย่าคาดหวังว่า Kindle Tablet จะมาพร้อมกับคุณสมบัติครบถ้วนเหมือนแท็บเล็ตทั่วไป หรือพลังประมวลผลเป็นเลิศ เพราะจากรายงานล่าสุด มันจะไม่มีกล้องให้คุณ และไม่มีสตอเรจมากนัก (แหล่งข่าวกล่าวว่ามันจำกัดแค่ 6GB เท่านั้น) นอกจากนี้ มันยังไม่ได้ใช้โพรเซสเซอร์ที่แรงสุดอีกด้วย เวอร์ชันเปิดตัวจะเป็น Wi-Fi เท่านั้น ส่วนเวอร์ชัน 3G จะเปิดตัวตามมาในภายหลัง
Kindle Tablet จะทำงานบนบริการคลาวด์ของ Amazon ค่อนข้างชัดเจนว่า Amazon ต้องการสร้างแพลตฟอร์มอย่าง Kindle Tablet ขึ้นมา เพื่อรองรับบริการดิจิตอลคอนเท็นต์ต่างๆ ที่อยู่บน Cloud Services ไม่วาจะเป็น e-Books, MP3 Store, Amazon Prime Movie Streaming และ Cloud Drive (นี่คือเหตุผลที่ตัวเครื่องไม่ต้องมีสตอเรจมากนัก) ความหมายก็คือ ลูกค้า Amazon ที่เป็นเจ้าของ Kindle Tablet นอกจากจะดาวน์โหลด e-Book จาก Cloud มาอ่านได้แล้ว ยังสามารถใช้บริการดูหนัง ฟังเพลงได้อีกด้วย ซึ่งลักษณะก็จะคล้ายๆ กับระบบนิเวศของ Apple อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ใช้ Kindle Tablet ไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อการทำงานกับพีซีแต่อย่างใด 
ราคาของมันต้องถูกแน่นอน ในขณะที่ Apple ตั้งราคา iPad ไว้ที่ 499 เหรียญฯ แน่นอนว่า Amazon ต้องทำให้ Kindle Tablet มีราคาต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยก่อนหน้านี้ WSJ อ้างว่า ราคาของ Kindle Tablet อาจจะแค่ครึ่งเดียวของ iPad โดยอยู่ที่ประมาณ 250 เหรียญฯ (ประมาณ 7,500 บาท) 
และทั้งหมดคือประมวลข่าวเกี่ยวกับ Kindle Tablet ทีมีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ คุณผู้อ่านเว็บไซต์ arip สนใจกันบ้างไหมครับ? อย่างไรก็ตาม คงต้องมาดูกันว่า ในวันที่ 28 กันยายนที่จะถึงนี้ Amazon จะสร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้กับผู้บริโภคกันอีกหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่า มันเป็นการเดิมพันที่สูงพอสมควร ซึ่งทางเว็บไซต์ arip จะรีบนำข้อมูลมารายงานให้ทราบโดยทั่วกันทันที

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

Mitsubishi Electric เปิดตัว MR2 Series ทีวีสามมิติรุ่นใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น!!!

Mitsubishi Electric เปิดตัว MR2 Series ทีวีสามมิติรุ่นใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น!!!
Mitsubishi Electric เปิดตัวทีวีสามมิติรุ่นใหม่ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า \"MR2 Series\" มาพร้อมกับความสามารถในการบันทึกสื่อมัลติมีเดียทั้งหลายลงแผ่นบลูเรย์, บันทึกลงฮาร์ดดิกส์แบบภายใน หรือแม้กระทั่งจะบันทึกลงฮาร์ดดิสก์แบบพกพาก็ยังสามารถทำได้

นอกจากนี้เจ้าทีวีสามมิติ MR2 Series ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี DLNA ที่ช่วยให้ท่านผู้ใช้งานสามารถดึงสื่อมัลติมีเดียต่างๆ จากอุปกรณ์เน็ตเวิร์คภายในบ้านมาแสดงผลยังทีวีสามมิติรุ่นดังกล่าวได้อีกด้วย ส่วนสเปคอื่นๆ จากแหล่งข่าวยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลมากมายสักเท่าไรนัก

โดยขนาดที่จะถูกนำออกมาวางจัดนำหน่ายนั้นมีด้วยกันถึง 3 ขนาดอันได้แก่ 40 นิ้ว, 46 นิ้ว และ 55 นิ้ว ที่ราคาขายประมาณ 230,000 เยนไปจนถึง 330,000 เยน หรือที่ประมาณ 89,500 บาทไปจนถึงประมาณ 128,500 บาทนั่นเอง 

ASUS MARS II กราฟิกการ์ดที่แรงที่สุดในพิภพ





ASUS นั้นได้ผลิตและคิดค้นขึ้นมาเพื่อความแรงสุดขั้วสำหรับชาวเกมส์เมอร์โดยเฉพาะ โดยจุดเด่นหลักของมันเลยก็เรื่องของการออกแบบทั้งในส่วนของหน้าตาและความแรง โดยในเรื่องของความแรงนั้นตัวการ์ดจะมาพร้อมกับกราฟิกชิบในรหัส Fermi GF110 ในจำนวนสองตัวบน PCB หนึ่งใบ ในลักษณะที่เหมือนๆกับกราฟิกการ์ดในโมเดล Geforce GTX590 จากทาง nVidia เอง แต่แน่นอนว่าย่อมมีความแตกต่างออกไปจากเจ้า GTX590 โมเดลปรกติ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วกราฟิกการ์ดในโมเดลที่มาในแบบกราฟิกชิบคู่ มันมักจะถูกลดสเป็คลงจากการ์ดพี่ใหญ่ในแบบ Single Card, Single-GPU เสมอๆอย่างเช่น GTX590 ที่เราน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ากราฟิกชิบที่ประจำการมาบนตัวมันนั้นก็คือกราฟิกชิบในรหัสเดียวกันกับเจ้า nVidia Geforce GTX580 แต่ทว่ามันก็ถูกจำกัดความเร็วในการทำงานของ Core Speed ลงมามากกว่า 164MHz เลยที่เดียวและยังรวมไปถึงความเร็วของเมโมรีอีกเช่นกันที่ลดลงไปกว่า 146MHz หรือ 584MHz effective ซึ่งจากความเร็วที่ถูกลดทอนลงไปนั้นก็ถือว่าค่อนข้างมากเลยทีเดียว จากทั้งสองส่วน แต่ก็มีจุดที่ดูดีกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมาเล็กน้อยที่ในครั้งของ GTX590 นั้นไม่ได้ถูกตัดหรือถูกลดจำนวนของ CUDA Core ลงไป จากเดิมหากเรามองไปในยุคของ GTX295 หรือทุกๆครั้งก่อนหน้านั้นทาง nVidia ก็มักจะบอกว่าใช้กราฟิกชิบในรหัสพี่ใหญ่ แต่มันก็มักจะถูกลดสเป็คลงไปเกือบๆเท่ากับการ์ดในรุ่นพระรองเสมออย่างเช่น GTX295 ที่เราจะยกตัวอย่างมาให้ชม ซึ่งหากเรามองแบบภาพรวมแล้วนั้นมันก็ควรจะเป็นการ์ดเดี่ยวที่เสมือนกับการนำเอาเจ้า GTX280 หรือ GTX285 มาทำการ SLI กันบนการ์ดใบเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันจะเป็นเพียงเสมือนกับการนำเอาพระรองอย่าง GTX260 หรือ GTX270 ในเวลานั้นมาทำการ SLI เท่านั้น แต่พอมาถึงในยุคของ GTX590 ถือเป็นความใกล้เคียงที่สุดที่จะเหมือนกับการนำเอา GTX580 มา SLI กันบนการ์ดเดียวแต่มันก็เป็นได้แค่เพียงคล้ายๆเท่านั้น จากเหตุผลที่เราได้ให้ไปแล้วตามข้างต้น แต่การ์ดที่จะขึ้นชื่อว่ามันคือ GTX580 สองใบมา SLI กันจริงๆก้คือเจ้า ASUS MARS II ที่เราจะมาทำการทดสอบให้ได้รับชมกันในวันนี้นั่นล่ะครับ เพราะทาง ASUS นั้นได้ออกแบบมาโดยการนำ GF110 มาประจำการบนการ์ดใบเดียวแบบเต็มๆโดยที่ไม่มีการลดสเป็คใดๆลงแม้แต่นิดเดียว แถมยังได้เพิ่มความเร็วของ Core Speed ของตัว GPU ให้สูงกว่ามาตรฐานจากทาง nVidia เองอีก 10MHz เหมือนๆกับการ์ดในโมเดล GTX580 ของทาง ASUS เองที่มันจะมีความเร็ว Core Speed ที่ความเร็ว 782MHz แต่สำหรับการ์ด GTX580 ในแบบ Ref. นั้นจะมีความเร็ว Core Speed ที่ 772MHz ส่วนอัตราความเร็วของเมโมรีรวมทั้งความจุของเมโมรีก็มาในแบบเต็มๆเช่นกัน ซึ่งความเร็วการทำงานของตัวเมโมรีที่ทาง ASUS กำหนดมาก็จะทำงานอยุ่ที่ความเร็ว 1002MHz หรือ 4008MHz effective กับอัตราความจุรวม 3GB หรือ 1.5GB ต่อ GPU หนึ่งตัว ซึ่งหากมองจากรายละเอียดตามที่เรากล่าวไปนั้น ก็หมายความว่าเจ้า MARS II ในวันนี้มันก็คือ ASUS GTX580 ในคราบ SLI บนการ์ดเดียวจริงแท้แน่นอน












การ์ดจอ MARS II ลิมิเต็ดเอ็ดดิชั่น พร้อมเปิดให้คุณเป็นเจ้าของก่อนใคร ด้วยราคาพิเศษ 49,500 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
พร้อมรับฟรี! ทันทีHeadPhone ASUS Vulcan มูลค่า 5,990 บาท และสิทธิพิเศษเข้าร่วมกิจกรรม VIP Member ของ ASUS.DIY ตลอดทั้งปี
สามารถสั่งจองล่วงหน้าผ่านทางร้านตัวแทนจำหน่ายเอซุสทั่วประเทศ หรือwww.facebook.com/ASUS.DIY ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (จนกว่าจะหมด)





Philips ขอเอาใจชาวหุ่นเขียว ส่ง Fidelio Android speaker docks ออกสู่ตลาด

 Philips ขอเอาใจชาวหุ่นเขียว ส่ง Fidelio Android speaker docks ออกสู่ตลาด

หลังจากที่เราเห็น iPhone/iPod docks เกลื่อนตลาดเครื่องเสียงกันมามากแล้ว ก็ได้เวลาที่ทาง Philips จะขอลองประเดิมทำ Speaker Docks ให้กับอุปกรณ์ของชาวหุ่นเขียว Android กันบ้าง ในชื่อไลน์ว่า Fidelio โดยจะมีออกมา 3 รุ่น ด้วยกันคือ AS851, AS351 และ AS111 ตามประกาศจากทาง Philips ในงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ IFA ที่กำลังมีขึ้นอยู่ที่ประเทศเยอรมัน

โดยหลายคนอาจจะงงว่าอ้าว แล้วอย่างนี้ Philips คงต้องทำจำนวนรุ่นออกมาให้เท่ากับจำนวนโทรศัพท์ที่เป็น Android เลยใช่ไหม คำตอบคือทาง Philips ได้ออกแบบหัวเสียบ micro-USB ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้สามมิติ เพื่อให้สอดรับกับมุมของโทรศัพท์ของคุณไม่ว่าจะแนวตั้งหรือแนวนอนโดยในรุ่นใหญ่สุด AS851(ในรูปด้านบน) มาในนิยามแห่งคำว่า \"lifelike, distortion-less music\" ประมาณว่าให้เสียงที่เสมือนมีชีวิตชีวามากที่สุด และตัวเล็กสุดสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้และเปิดฟังโดยใช้แบตเตอรี่ เหล่าบรรดา Android user คงจะได้เลิกน้อยใจกันก็คราวนี้แหละครับ

สุดยอดพลาสม่าทีวี !!! LG PZ950 นวัตกรรมล่าสุดจากแอลจี ในงาน IFA 2011

สุดยอดพลาสม่าทีวี !!! LG PZ950 นวัตกรรมล่าสุดจากแอลจี ในงาน IFA 2011
แอลจี อีเลคทรอนิคส์ นำเสนอสุดยอด พลาสม่าทีวี นวัตกรรมล่าสุดในงานแสดงสินค้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก IFA 2011 ณ กรุงเบอร์ลิน ด้วยพลาสม่าทีวีรุ่น PZ950 มอบคุณภาพของภาพสวยคมชัดพร้อมระบบสามมิติที่เหนือชั้น และฟังก์ชั่น Photo Mode ที่ช่วยให้ทีวีสามารถแสดงผลภาพถ่ายและวิดีโอโดยคงคุณภาพของต้นฉบับไว้ได้ถึง 97% รับรองด้วยรางวัลชนะเลิศจากสมาคมระดับโลกต่างๆ ด้านจอแสดงภาพและทีวี

แอลจีพลาสม่าทีวีมาพร้อมนวัตกรรมใหม่ Photo Mode ฟังก์ชั่นที่จะช่วยให้ทีวีสามารถแสดงผลภาพถ่ายและมัลติมีเดียประเภทต่างๆ บนหน้าจอโดยยังคงรักษาความคมชัดและรายละเอียดของไฟล์ต้นฉบับไว้ได้อย่างสมบูรณ์ สามารถแสดงสีสันได้ใกล้เคียงกับภาพต้นฉบับถึง 97% ค่าความอิ่มตัวของสี 96% และความลึกของมิติภาพ 98% นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งภาพเพื่อความสนุกสนานและให้ภาพสวยงามตามความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น ปรับสีเป็นโมโนโทน ซีเปีย ภาพสีน้ำมัน หรือปรับเฉพาะขอบภาพให้สีจางได้อีกด้วย

ด้วยนวัตกรรมสุดสร้างสรรค์ แอลจี PZ950 จึงได้รับรางวัล ?Best Photo Display TV Awards 2011? จากสมาคม Technical Image Press Association (TIPA) นับเป็นครั้งที่สองที่พลาสม่าทีวีของแอลจีได้รับรางวัลจากสมาคมชื่อดังระดับโลก ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของบรรณาธิการนิตยสาร 29 เล่ม จาก 13 ประเทศทั่วโลก โดยคณะกรรมการ TIPA ได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นซึ่งวางจำหน่ายภายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

แอลจี PZ950 โดดเด่นด้วยความละเอียดหน้าจอแบบ 3D Full HD 1,920 x 1,080p อัตราคอนทราสต์สูงถึง 5,000,000:1 ค่าความเร็วในการแสดงภาพเคลื่อนไหวเพียง 0.001 วินาที สามารถแปลงไฟล์ภาพสองมิติเป็นภาพสามมิติและเลือกปรับความลึกของภาพได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ SMART TV เชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินกับคอนเทนต์ชั้นนำระดับโลกและคอนเทนต์ภาษาไทยที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับแอลจีสมาร์ททีวี ไม่ว่าจะเป็น Nation Channel, MThai, Shoppening, Wikalenda, Major Cineplex, HotelsThailand พร้อมติดตามความเลื่อนไหวสังคมออนไลน์ผ่านหน้าจอทีวีได้ทั้ง Facebook, Twitter หรือ Youtube พร้อมแอปพลิเคชั่นเพื่อการศึกษาและความบันเทิง รองรับการใช้งาน Magic Motion Remote Control และใช้งานง่ายด้วยหน้าจอเมนูหลัก LG Home Dashboard